วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

โรงเรียนบ้านนาคูพัฒนา"กรป.กลางอุปถัมภ์"

0 ความคิดเห็น
การเป็นนักเรียนในโรงเรียนสักเเห่งหนึ่งไม่ใช่ว่าจะเลือกแต่โรงเรียนดีและดังคุณภาพโรงเรียนนั้น ไม่อาจจะช่วยให้เราดีหรือเก่งขึ้นได้แต่คุณภาพจิตใจและการใฝ่รู่ใฝ่ค้นหานั้นต่างห่างที่จะเป็นตัวบอกเรา ได้ว่าไม่ว่าจะศึกษาโรงเรียนไหนก็ตามถ้าตัวเราไม่เอาใจใส่หรือไม่รักจากใจจริงโรงเรียนดีแค่ไหนก็พา คุณไปไม่รอดนะครับผม จาก ด.ช.ศุภชัย จิตรเหลื่อม นักเรียนโรงเรียนบ้านนาคูพัฒนา "กรป.กลางอุปถัมภ์" ท้ายนี้ผมขอฝากวีดีโอที่ผมทำขึ้นอาจจะทำไม่เต็มที่เท่าไหร่หรือจะไม่ถูกใจหลายๆคนแต่เป็นการเก็บรักษา ความทรงจำที่ดีของโรงเรียนไว้ในวีดีโอ ชุดนี้ สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

บ้านนาคู แดนซ์

0 ความคิดเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

โรงเรียนบ้านนาคูพัฒนา"กรป.กลางอุปถัมภ์"

0 ความคิดเห็น
การเป็นนักเรียนในโรงเรียนสักเเห่งหนึ่งไม่ใช่ว่าจะเลือกแต่โรงเรียนดีและดังคุณภาพโรงเรียนนั้น
ไม่อาจจะช่วยให้เราดีหรือเก่งขึ้นได้แต่คุณภาพจิตใจและการใฝ่รู่ใฝ่ค้นหานั้นต่างห่างที่จะเป็นตัวบอกเรา
ได้ว่าไม่ว่าจะศึกษาโรงเรียนไหนก็ตามถ้าตัวเราไม่เอาใจใส่หรือไม่รักจากใจจริงโรงเรียนดีแค่ไหนก็พา
คุณไปไม่รอดนะครับผม

จาก ด.ช.ศุภชัย จิตรเหลื่อม นักเรียนโรงเรียนบ้านนาคูพัฒนา "กรป.กลางอุปถัมภ์"

ท้ายนี้ผมขอฝากวีดีโอที่ผมทำขึ้นอาจจะทำไม่เต็มที่เท่าไหร่หรือจะไม่ถูกใจหลายๆคนแต่เป็นการเก็บรักษา
ความทรงจำที่ดีของโรงเรียนไว้ในวีดีโอ ชุดนี้ สวัสดีครับ

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

รูปที่แก้อาการเมารถได้ครับ

0 ความคิดเห็น

เวลาท่านไปขึ้นรถเดินทางไกล หรือ ขึ้นเรือท่านสามารถนำรูปนี้เข้าโทรศัพท์หรืออุปกรณ์พกพาต่าง
ท่านจ้อง 2 รูป นี้ดีๆนะครับผม จะเห็นว่ามันเคลื่อนไหวแต่จริง มันเป็นแค่ภาพนิ่งไม่ได้เคลื่อนไหวหรอกครับผมเพราะมันเป็นภาพที่นำเฉทสีที่สลับซับซ้อนมาวางใกล้ๆกันแล้วมันจะดูเหมือนรูป ที่เคลื่อนไหว
ท่านจงดูรูปนี้ไปให้ดีนะครับผม พอเริ่มรู้สึกง่วงก็นอนได้เลยนะครับผม เพราะเป็นวิธีการคลายเครียดหรือ แก้เมารถได้ครับผม
ความรู้นี้ผมได้ Credit : มาจาก Wanwan Blog ท่านนี้เป็นนักท่องเที่ยวหรือ ราชินี บล็อกตัวยง ผมได้อ่านหนังสือที่เขาเขียนเลยนำความรู้ที่ได้มาเผยแผ่ให้แก่ทุกคนได้รับรู้กันครับผม

แหล่งท่องเที่ยวที่ผมแนะ นำ ในจังหวัดกาฬสินธุ์

0 ความคิดเห็น
พิพิธภัณฑ์ภูกุ้มข้าว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจในทางการศึกษาเรื่องของ ไดโนเสาร์ เป็นที่สนใจและประทับใจเมื่อทุกคนได้ไป สัมผัส เต็มไปด้วยความรู้ความน่าสนใจ ว่างๆยามปิดเทอมหรือวันหยุดต่างๆเราสามารถมาเที่ยวได้ที่ จ.กาฬสินธุ์ คนกาฬสินธุ์ มีอัธยาสัยดี และให้การต้อนรับกับแขกทุกๆท่านที่มาเยี่ยมชมหวังว่าทุกท่านคงจะประทับใจ

ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์
อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ออกจากตัวเมืองไปที่ อ.สมเด็จ พอถึงทางเเยกใหญ่ของตัวเมืองให้หาป้ายตรงที่เขียนว่า อำเภอสหัสขันธุ์ แล้วก็ขับรถไปตามทางอาจจะถามคนแถวนั้นดูก็ได้ครับผม

เปิดเวลา 08.00 - 17.30

สวัสดีครับ

เกร็ดความรู้ อาการของคนนอนไม่หลับมาบอกกัน....

0 ความคิดเห็น
วันนี้เกร็ดความรู้มีอาการของคนนอนไม่หลับมาบอกกัน....

ลักษณะของการนอนไม่หลับ แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ


1. นอนไม่หลับชั่วคราว (Transient Insomnia)
สาเหตุ อาจจะมาจากมีสถานการณ์ บางอย่างที่ทำให้ต้องคิดกังวลหรือปรับตัว เช่น มีเหตุการณ์ตึงเครียดเสียใจเกิดขึ้นฉับพลัน หรือการเดินทางเปลี่ยนสถานที่นอน, การเจ็บป่วยฉับพลัน เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นก็จะสามารถนอนหลับได้ปกติ กรณีนี้อาจใช้ยาคลายกังวล ยานอนหลับช่วยให้หลับสั้น ๆ ได้ มักจะหลับได้ตามปกติใน 2-3 วัน

2.
นอนไม่หลับเป็นระยะ ๆ (Intermittent Insomnia) มักจะเป็นในกลุ่มที่มีอาการต่อเนื่องจากกลุ่มที่ 1 เนื่องจากสถานการณ์ต้นเหตุยังคอยกระตุ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้มีอาการ ไม่หลับที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ

3.
นอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) มีอาการนอนไม่หลับเป็นประจำ ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 3 สัปดาห์ มีสาเหตุมาจากหลาย ๆ อย่าง ได้แก่ การเจ็บป่วยทางกายต่าง ๆ โรคทางกาย บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการนอน เช่น การนอนกรน โรคทางจิตเวชต่าง ๆ เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคจิต

ผู้ป่วยบางกลุ่มอาจมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง โดยไม่มีสาเหตุ กระตุ้นที่ชัดเจน (Psychophysiologic Insomnia) ในกลุ่มนี้มักเกิดจากความเคยชิน ในการปฏิบัติตัว หรือมีพฤติกรรมบางอย่างที่รบกวนต่อการนอนหลับ การรักษาอาการนอนไม่หลับ เรื้อรัง จึงต้องรักษา ทั้งต้นเหตุและการฝึกให้มีสุขอนามัยการนอน (Sleep Hygiene) ร่วมกับ มีพฤติกรรมที่ดีในการนอน (Behavioral intervention)

การนอนไม่หลับอาจทำให้เสียสุขภาพได้ ยังไงก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วย.

เรื่องของหวี

0 ความคิดเห็น

สาว ๆ คงจะต้องมีหวีที่ใช้กันอยู่คนละหลาย ๆ อัน แต่สาว ๆ จะเลือกหวีได้เหมาะกับเสันผมของตนเองหรือเปล่า เพราะถ้าเราเลือกหวีไม่เหมาะสมก็จะทำให้เส้นผมของเรานั้นเสียหายได้ง่าย มาดูว่าหวีแต่ละชนิดเหมาะกับเส้นผมยังไงกันเลย

หวีที่เป็นแปรง
เหมาะกับเส้นผมที่แห้ง โดยเฉพาะผมยาว เพราะจะทำให้ผมขึ้นเงาและเรียงเส้น ขนที่แปรงจะฝังอยู่บนพื้นยางแบน ๆ ซึ่งมีทั้งที่ทำจากขนธรรมชาติล้วน และขนธรรมชาติที่ผสมขนไนล่อน หรือพลาสติก ซึ่งขนไนล่อนนั้นจะช่วยให้หวีง่าย และขนธรรมชาติอย่างเช่นขนหมู จะช่วยกระจายน้ำมันจากโคนผมลงมาสู่ปลายเส้นผม ซึ่งจะทำให้เส้นผมขึ้นเงา และไม่ทำให้ผมชี้ฟู
ขนแปรงธรรมชาติ ถ้าซื้อมาในครั้งแรกขนแปรงอาจจะแข็งไป ให้จุ่มขนแปรงลงในน้ำเดือด ขนแปรงก็จะนุ่มขึ้น แต่ไม่ควรจุ่มแปรงลงทั้งอัน เพราะจะทำให้แปรงเสียหายได้

แปรงไดร์ฐานครึ่งเสี้ยว
เป็นแปรงที่จะต้องใช้เมื่อต้องการที่จะไดร์ผมให้เรียบเรียงเส้น ซึ่งมีหลายขนาดให้เลือก แต่โดยส่วนมากจะนิยมขนดขนแปรง 7-9 แถว แปรงที่มีขนาดเล็กจะเหมาะกับการไดร์ผมสั้นหรือช่วยรวบผมบริเวณซอกเล็ก ๆ อย่างหลังซอกหูขึ้นาไดร์ แต่สำหรับแปรงที่มีขนาดใหญ่จะเหมาะกับการรวบไดร์ผมยาว

แปรงไดร์ทรงกลม
เป็นแปรงที่เหมาะจะใช้ไดร์ผมหยักศกน้อย ๆ ให้เหยียดตรง เมื่อสอดแปรงเข้าไปใต้ผมดึงให้ตึงแล้วลากแปรงจากโคนผมลงมาที่ปลายผมขณะเป่าไดร์จะช่วยทำให้ผมเหยียดตัว

แปรงไดร์พื้นโลหะเจาะรู
เป็นแปรงที่พื้นทำมาจากโลหะ ซึ่งเนื้อโลหะจะเก็บความร้อนจากลมไดร์ เร่งให้เส้นผมแห้งเร็วขึ้น การเจาะรูที่แปรงก็เพื่อระบายลมจากไดร์ออกไปด้านหลังแปรง ช่วยให้ลมกระจายไปทั่วเส้นผม

หวีซี่ห่าง
หวีที่มีซี่ห่าง ๆ จะใช้สำหรับหวีและสางเส้นผมขณะชื้นน้ำอยู่ ซึ่งตอนนี้เองเส้นผมจะอ่อนแอ ถ้าหากใช้หวีซี่ถี่ ๆ จะทำให้เกล็ดผมถูกขูดให้ยืดและฉีกขาดได้ง่าย นอกจากนี้หวีซี่ห่าง ๆ ยังเหมาะกับผมที่ดัดเป็นลอน ซึ่งจะทำให้ลอนไม่คลายตัวได้เร็วขึ้น

หวีเซ็ตผมแนวแฟชั่น
หวีชนิดนี้จะถูกออกแบบฟันหวีให้เหมาะกับการจัดเส้นผมบิดไปในแนวที่ต้องการ อย่างเช่น หวีฟันหนามใช้เซ็ตผมสั้นให้จับช่อในลักษณะริ้วหนาม

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อเราใช้หวีจัดแต่งทรงผมเราให้ถูกใจแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะทำความสะอาดด้วย โดยการล้างในน้ำอุ่นผสมกับสบู่เด็กชนิดอ่อน ๆ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อย ๆ ใช้แปรง อาจจะเป็นแปรงสีฟันอันเก่าก็ได้ มาปัดเส้นผมและคราบต่าง ๆ ออกอย่างเบามือ ง่ายใช่มั้ยคะ แล้วที่นี้ก็จะได้หวีที่ดูเหมือนใหม่อีกครั้ง


















รู้ไหม? เปลือกไข่กินได้

0 ความคิดเห็น

รู้ไหม? เปลือกไข่กินได้

เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ สุขภาพ ความรู้รอบตัว นำเสนอ เปลือกไข่ กินได้ อะๆ รู้กันรึเปล่าว่า เปลือกไข่ กินได้นะคะ ใครที่ชอบทาน ไข่ ทราบหรือไม่ว่า เปลือกไข่ ก็มีประโยชน์เหมือนกัน วันนี้เราจึงหยิบ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ เทคนิค ความรู้รอบตัว วิธีการกิน เปลือกไข่ มาฝากกัน


ใครที่ชอบทานไข่ ทราบหรือไม่ว่า เปลือกไข่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน วันนี้เกร็ดความรู้มีมาฝากกัน...

-
เปลือกไข่อุดมด้วยธาตุเหล็ก นำเปลือกไข่มาล้างให้สะอาด อบย่างให้ร้อนแล้วตำให้เป็นผงละเอียดนำไปหุงปนกับข้าวสาร เป็นอาหารที่มีคุณค่าบำรุงดีมาก และสารอาหารที่จะได้รับจากเปลือกไข่ ก็คือ แคลเซี่ยม

-
เปลือกไข่ยังมีประโยชน์ใช้สอยในด้านเป็นเครื่องมือทำความสะอาดสามารถนำไปใช้ขัดล้างอ่างล้างหน้าอ่างอาบน้ำและเครื่องใช้เซรามิคทั้งหลาย

-
ใช้แทนแปรงล้างขวดหรือภาชนะที่มีปากแคบ

-
ใช้เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้

ลองนำไปปฏิบัติตามกันได้นะครับ

5 อย่างที่คุณต้องระวัง ก่อนที่จะนอน

0 ความคิดเห็น

“5 อย่าเมื่อคุณจะนอน

ที่ 1 คือ อย่านอนหลับไปพร้อมๆ กับนาฬิกาข้อมือ
ก็เพราะขณะที่นาฬิกาเจ้ากรรมทำงานไปเรื่อยๆ นั้นเจ้านาฬิกาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น เชื่อมั้ยว่าการใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาวเลย
อย่าที่ 2 นี่ สำหรับพวกชอบคุยโทรศัพท์มือถือจนหลับโดยเฉพาะเลย
ไม่ควรนอนหลับไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ตัวด้วย บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ใกลตัวที่สุดเมื่อจะนอนซะเถอะ ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูกๆ ดีๆ เก๋ๆ มาใช้ดีกว่า เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วเนี่ย จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้ และเจ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาทซะด้วยส ิ เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า พอปิดโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะวางไว้ใกล้หรือไกลก็หายห่วง
อย่าที่ 3 ง่ายๆ สั้นๆ คือ อย่าหลับพร้อมๆ กับเครื่องสำอาง
ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าขนาดไหน ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆ ที่เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้านั้น จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว กลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนบ้างนะค่ะ
อย่าที่ 4 (สำหรับสาวๆ เท่านั้น) คือ อย่านอนหลับทั้งๆ ที่ยังใส่ยกทรง
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ ฉะนั้น ก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย

10 อาหารอันตรายที่สุดในโลกที่คุณต้องระวัง

0 ความคิดเห็น

1.แฮมเบอเกอร์
แฮมเบอร์เกอร์ ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์

เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น

และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน

เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า

เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate)

ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น

และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก

เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ

2.ฮอทด็อก
ฮอทด็อกทำ มาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์

เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น

และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน

เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า

เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%

3.เฟรนช์ฟราย
เป็น อาหารที่มีความเป็นพิษสูงการทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง

ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า

เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

4.โอริโอ้ คุกกี้
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว
ช็อก โกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า

มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น

5.พิซซ่า
พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด
-.
เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น
-.
แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว

แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไป ใหม่
-
ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน
-
แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
-
มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

6.น้ำอัดลม
สารตัว สำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง

มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย

ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

7.ชิ้นไก่เนี้อนุ่มไม่มีกระดูก
ทำ มาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆ

การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50%

เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง

มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ

8.ไอศครีม
มีไขมันอยู่สูง มาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมัน

ที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40%

ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก

ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

9.โดนัท
โดย เฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้น

มีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน

มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

10.โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว
การ ทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา

ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตรเชียวนะ